วิเคราะห์"โกปี๊ ลูวัก" ทำมาตรฐานกาแฟแพงสุดในโลก
นักวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการจากประเทศญี่ปุ่น ตรวจวิเคราะห์หาองค์ประกอบของกาแฟลูวัก หรือที่เรียกกันในภาษาถิ่นว่า "โกปี๊ ลูวัก" เพื่อสร้างมาตรฐาน กำหนดเกรด และแก้ปัญหาการปลอมปน"โกปี๊ ลูวัก" หรือที่คนไทยเรียกกันว่า "กาแฟขี้ชะมด" ได้ รับการยอมรับกันว่าเป็นกาแฟที่แพงที่สุดในโลก ราคาอยู่ประมาณ 150-227 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หรือตกกิโลกรัมละ 10,000-15,000 บาทโดยประมาณ เป็นกาแฟที่ได้จากการที่ชะมดเอเชีย (asian palm civet) หรือที่บ้านเราเรียกว่า "อีเห็นข้างลาย" สายพันธุ์พารา
ด็อกเซอรัส เฮอร์มาโฟรดิตัส (Paradoxurus hermaphroditus)
กิน ผลกาแฟอาราบิกาสด แล้วถ่ายเม็ดกาแฟทิ้งออกมาพร้อมกับมูลของมัน ผู้ผลิตจะนำเอามูลของชะมดเอเชียดังกล่าวนี้มาล้างทำความสะอาดแล้วหมักเม็ด กาแฟดังกล่าวไว้ระยะหนึ่งก่อนนำมาตากให้แห้งแล้วนำไปคั่วบดเพื่อจำหน่ายต่อ ไป
ปัญหาที่อินโดนีเซียเผชิญอยู่ในเวลานี้ก็คือ เมื่อเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
ตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีทั้งของ "โกปี๊ ลูวัก" และกาแฟสายพันธุ์อื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อหาส่วนที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างโกปี๊ ลูวัก ที่ราคาแสนแพงกับกาแฟทั่วๆ ไป ด้วยการนำเอากาแฟมาบดละลาย แล้วทำให้ระเหยเป็นฟองก๊าซกักเก็บไปในชั้นของน้ำมันซิลิโคน นำไปผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปเพื่อแยกโมเลกุลของกาแฟแต่ละชนิดออกมาสำหรับจำแนกส่วนประกอบออกมาให้ชัดเจน ทีมวิจัยพบว่า "โกปี๊ ลูวัก" เต็มไปด้วยกรดไซตริกและมาลิค ซึ่งทำให้มีกลิ่นหอมเป็นกลิ่นผลไม้
คือ กลิ่นไซตรัสและกลิ่นแอปเปิ้ลผสมผสานกัน ทีมวิจัยเชื่อว่าเอนไซม์ที่อยู่ในระบบย่อยอาหารกับจุลินทรีย์ในลำไส้ของมัน เป็นตัวการทำให้เม็ดกาแฟที่หลงเหลือจากการย่อยของชะมดเอเชียมีกรดและมีกลิ่น ดังกล่าวนี้มากเป็นพิเศษ และระดับของกรดไซตริกกับมาลิคในเม็ดกาแฟโกปี๊ ลูวัก นี่เองที่จะถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานและระดับของกาแฟลูวักต่อไป
ปูตรีเชื่อด้วยว่า การวิเคราะห์องค์ประกอบดังกล่าวนี้นอกจากจะช่วยในการกำหนดมาตรฐานของกาแฟขี้ชะมดแล้ว ในอนาคตอาจนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟขี้ชะมดให้ได้คุณภาพที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้อีกด้วย
* * * * * *
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
ลิ้งค์ที่น่าสนใจ